ชูกลยุทธ์ “Asset Allocation”…ช่วยให้การลงทุนง่ายขึ้น-ตอบโจทย์การลงทุนระยะยาว !!!

ในยุคที่โลกการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อข่าวสารเช่นปัจจุบันนี้ จะดีกว่ามั้ย ถ้ามี “กองทุนสำเร็จรูป” ที่ช่วยให้ชีวิตการลงทุนของคุณง่ายขึ้น
ด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ “จัดสรรการลงทุน (Asset Allocation)” ของกลุ่มกองทุน “มั่ง-มี-ศรี-สุข” ของ ‘บลจ.กรุงไทย’ ที่ใส่น้ำหนักของสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง “หุ้น” ด้วยน้ำหนักที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 10%, 25%, 50% และ 75%
เพื่อให้ง่ายสำหรับผู้ลงทุนในการเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองและเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวัง 3% ต่อปี 5% ต่อปี 7% ต่อปี และ 9% ต่อปี เพียงเลือกเท่านั้น
วันนี้ ทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthythai’ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาอัพเดทใฟ้ฟังกัน
ชู “มั่ง-มี-ศรี-สุข” ตอบโจทย์ทุกสภาวะการลงทุน...ผ่านกลยุทธ์ ‘Asset Allocation’
โดย “ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) บอกว่า สถานการณ์การลงทุนทั้งในตลาดเงิน ตลาดทุน ทั่วโลก ณ ปัจจุบัน อาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงหรือความผันผวนที่สูงขึ้นในปี 2021 นี้ ทั้งจากสาเหตุความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในแต่ละภูมิภาค ตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มมีการปรับประมาณการการเติบโตลงจาก “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF)” รวมไปถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ว่าจะยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามประมาณได้มากน้อยเพียงใด
(คุณชวินดา หาญรัตนกูล)
“จากปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนนี้ บริษัทจึงแนะนำนักลงทุนให้มองหาทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมและสามารถเพิ่มโอกาสสร้างความมั่นคงจากการลงทุนในระยะยาวได้ สำหรับในช่วงตรุษจีนนี้ ธีมการลงทุนแบบ ‘มั่งมีศรีสุข’ จึงน่าจะตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่อาจจะไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ ข่าวสาร การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั่นเอง”
สำหรับธีมการลงทุนแบบ “มั่งมีศรีสุข” ประกอบไปด้วย 4 กองทุน อันได้แก่
-
‘กองทุนเปิดกรุงไทยมั่งคั่ง (KTMUNG-A)’ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงประมาณการสัดส่วนการลงทุนเน้นตราสารทุน 75% ตราสารหนี้สัดส่วน 15% ตราสารทางเลือก 10%
-
‘กองทุนเปิดกรุงไทยมีทรัพย์ (KTMEE-A)’ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ตั้งแต่ปานกลางถึงสูง มีประมาณการสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน 50% ตราสารหนี้สัดส่วน 40% ตราสารทางเลือก 10%
-
‘กองทุนเปิดกรุงไทยศรีสิริ (KTSRI-A)’ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยถึงปานกลาง มีประมาณการสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 65% ตราสารทุน 25% ตราสารทางเลือก 10%
-
‘กองทุนเปิดกรงไทยสุขใจ (KTSUK-A)’ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย มีประมาณการสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ 80% ตราสารทุน 10% และตราสารทางเลือก 10%
มุ่งสร้างผลตอบแทนให้ได้ 3% ต่อปี 5% ต่อปี 7% ต่อปี และ 9% ต่อปี ตามระดับความเสี่ยง
ทั้งนี้มุ่งเน้นการลงทุนแบบ “การจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation)” ในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ผ่าน Fund of Funds ภายใต้บริษัทจัดการกองทุน เน้นการกระจายน้ำหนักการลงทุนให้เหมาะสมกับวัฏจักรเศรษฐกิจระยะยาวในแต่ละช่วงเวลาและความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ (Strategic Asset Allocation) และจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่ง ‘ไม่เกิน 79%’ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนจะมีการบริหารพอร์ตให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดที่มีความผันผวน มีการติดตามและกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหน่วยอย่างต่อเนื่อง
“ผู้จัดการกองทุนยังสามารถเพิ่มหรือลดน้ำหนักสินทรัพย์ได้ตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดที่อาจจะมีความผันผวนได้ในระยะสั้น (Dynamic Tactical Asset Allocation) เพื่อแสวงหาโอกาสในการสร้างผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ให้ได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3% ต่อปี 5% ต่อปี 7% ต่อปี และ 9% ต่อปี ตามลำดับ*”
*อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัดข้างต้น เป็นเพียงการกำหนดตัวชี้วัดของกองทุนที่เกิดจากการจัดทำแบบจำลองการลงทุนย้อนหลัง 7 ปี ซึ่งกองทุนมิได้รับประกันผลตอบแทนดังกล่าว
“กองทุนสำเร็จรูป” ออกแบบมาให้ง่ายสำหรับผู้ลงทุน เพียงเลือกกองทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและผลตอบแทนคาดหวังของตัวเองเท่านั้น “มั่ง-มี-ศรี-สุข” กองทุนกลุ่มนี้น่าจะช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย