รู้หรือไม่?...“ตลาดเฮลธ์แคร์จีน” ใหญ่เป็นเบอร์ 2 ของโลก&โตเร็วที่สุดในโลกมากกว่า 13% !!!

“ธีมเฮลธ์แคร์เทค” ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง ‘เทคโนโลยี’ และ ‘สุขภาพ’ ถือเป็นหนึ่งใน “แนวโน้มใหญ่ (Mega Trend)” ของโลกการลงทุนในปัจจุบัน
เจ้าตลาดด้านนี้ ไม่ใช่จะมีอยู่แค่แต่ในสหรัฐหรือยุโรปแต่ประการใด “จีน” เองถือเป็นผู้เล่นสำคัญรายหนึ่งของโลกในเรื่องนี้ มีตลาดเฮลธ์แคร์ใหญ่เป็น ‘อันดับ 2 ของโลก’ ที่แม้แต่สหรัฐยังต้องจับตามองเลยทีเดียว
“บลจ.ยูโอบี” เปิดศักราชใหม่ฤกษ์ดีปีฉลู ชวนไปลงทุนใน “หุ้นจีนธีมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation)” กองทุนแรกในไทย กัน
เพื่อไม่พลาดกับกระแสการลงทุน ‘Megatrends’ ของโลก และคว้าโอกาสการเติบโตในอนาคต
วันนี้ ทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthythai’ มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอัพเดทกัน
“อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare)” ของจีนโตที่สุดในโลก...มากกว่า 13%
โดย “รัชดา ตั้งหะรัฐ” กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ปัจจุบัน ‘อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare)’ ของประเทศจีนมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราเติบโตต่อปีสูงที่สุดในโลก มากกว่า 13% เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นที่เติบโตเพียง 3% และ 2% ตามลำดับ1 และเป็นภาคธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตทางด้านการลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นกระแสการลงทุน ‘เมกะเทรนด์ (Megatrend)’ ของโลก ซึ่งเป็นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้องตามความต้องการของตลาดในระยะ 5-10 ปี และมีแนวโน้มเติบโตสูง
(1ที่มา : KraneShare MSCI All China Health Care Index ETF factsheet, https://kraneshares.com/resources/factsheet/2020_09_30_kure_factsheet.pdf)
โดยอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare) ในจีนนี้ มีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของจีน (an aging population society) การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนหลังการระบาด COVID-19 พร้อมกับมีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต และจากปัจจัยการประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานที่กำลังขยายตัว
(คุณรัชดา ตั้งหะรัฐ)
“ปัจจุบันจีนต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน ประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้จีนมีความต้องการในทรัพยากรด้านการรักษาต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ในอนาคตธุรกิจการบริการด้านสุขภาพจะกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตได้ดีในตลาดจีน ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐและกระทรวงสาธารณะสุขจีนที่มีนโยบายผลักดันให้จีนเป็นประเทศแห่งสุขภาพ และมีการดำเนินแผน ‘HEALTHY CHINA 2030’ โดยการส่งเสริมธุรกิจบริการด้านสุขภาพ สวัสดิการการรักษา สภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และการส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ (health industry) จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศจีนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
“ตลาดเฮลท์แคร์ของจีน” ใหญ่เป็นอันดับ2 ของโลก...คาดปี2030 มูลค่าแตะ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์
อีกทั้งรัฐบาลจีนยังให้การสนับสนุนและส่งเสริมการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาทางด้าน นวัตกรรมทางการแพทย์ (R&D) ทั้งในส่วนของการวิจัยพัฒนายา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์และบริการจากต่างประเทศ ซึ่งพัฒนาการของอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ในประเทศจีนที่มีมาอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่กล่าวมานี้
“ทำให้ปัจจุบันตลาดเฮลท์แคร์ของจีนเติบโตจนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2030”
“บลจ.ยูโอบี”…ส่ง ‘กอง UCHI’ ขาย IPO ถึงวันที่ 23 ก.พ. นี้
นอกจากนี้ “ประเทศจีน” มีการตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการพัฒนาการแพทย์ในด้านต่างๆ ที่เน้นการนำนวัตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง มานานแล้วกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ที่ผสมผสานระหว่างการแพทย์กับเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ เช่น บิ๊ก ดาต้า (Big data) ระบบประมวลผลคลาวด์ (Cloud) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การบริหารจัดการองค์ความรู้ และบล็อกเชน เป็นต้น
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) ของจีน มีอัตราขยายตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจนก้าวเป็นผู้นำระดับโลกเทียบกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นได้ โดยพัฒนาการในด้านต่างๆ ที่นำโดยการใช้นวัตกรรม การค้นคว้า วิจัย นั้น ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 8% ในปี2021 นี้
“เป็นปัจจัยบวกที่ บริษัทพิจารณาและเล็งเห็นโอกาสทางการลงทุน จึงเปิดตัว ‘กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCHI)’ เพื่อให้นักลงทุนร่วมคว้าโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) ของจีน ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ลงทุนในธีมนี้กองแรกของไทยอีกด้วย”
โดยเสนอขายครั้งแรก 15-23 ก.พ. 21 นี้
โฟกัส “หุ้นจีนธีมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation)”...กับโอกาสเติบโตระยะยาว
สำหรับ ‘กองทุน UCHI’ มีโครงสร้างกองทุนประเภท Fund of funds ที่ลงทุนผ่าน
-‘กองทุน KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF’ และ
-‘กองทุน Global X China Biotech ETF’
“ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเฮลท์แคร์ (Healthcare) ของประเทศจีน และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากการพัฒนานวัตกรรมด้านเฮลท์แคร์ (Healthcare Innovation) ของประเทศจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีน ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก”
โดย ‘กองทุน UCHI’ มีการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ของประเทศจีน ในหลากหลายประเภทธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมไปถึงการพัฒนาและค้นคว้าด้านเภสัชกรรม (Pharmaceutical) การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ระบบไอทีด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare IT) การบริการทางการแพทย์และโรงพยาบาล (Hospital Administration) ยาจีนแผนโบราณ (Traditional Chinese Medicine) และ การผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Equipment Production) เป็นต้น ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลการดำเนินงานได้ดีในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตในธุรกิจทุกประเภท
“โดยที่ผ่านมาดัชนี ‘MSCI China All Shares Health Care 10/40 Net Return Index’ ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของกองทุนหลัก สร้างผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ได้ถึง 69% (ข้อมูล ณ ธ.ค. 2020) บริษัทจึงเชื่อมั่นว่า ‘กองทุน UCHI’ จะเป็นทางเลือกการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ ที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเชิงบวกให้แก่นักลงทุนได้ในระยะยาว”
สำหรับใครที่กำลังมองหาทางเลือกการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคตของโลกอย่าง “หุ้นจีนธีมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation)” ไปพร้อมกับการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจจีน เชื่อว่า ‘กองทุน UCHI’ น่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ให้พอร์ตของคุณได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว