“BRIC”…อาจกลับมาร้อนแรงอีกครั้งตามธีม ‘ตลาดเกิดใหม่’ !!!

“BRICS” หรือคำย่อกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะประกอบไปด้วย บราซิล (Brazil), รัสเซีย (Russia), อินเดีย (India), จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa)
แม้ว่าในปัจจุบันอาจจะไม่ได้ถูกพูดถึงเป็นที่แพร่หลายนักทั้งในสาธารณะและจากนักลงทุนในตลาดทุน แต่ในอดีตนั้นถือว่าเป็นตลาดที่ถูกพูดถึงและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “BRIC” ที่มีหลายบลจ.นำเสนอกองทุนออกมาโดยเฉพาะ
เพราะอย่างกล่าวไปข้างต้นการพัฒนาของเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ทำให้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มภูมิภาค ที่นักลงทุนต่างจับตามองพร้อมไปด้วยมองหาโอกาสการลงทุนอยู่ตลอดเวลา
แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเกือบทั่วโลกต้องชะลอตัวลง ในทางกลับกันก็มีบางประเทศที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบไม่มาก จนทำให้มีความโดดเด่นกว่าภูมิภาคและประเทศอื่นๆ เช่น “จีน”
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงอยากจะนำมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญถึงความน่าสนใจในกลุ่ม “BRIC” ที่มีจุดเด่นอย่างการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่รวดเร็วนั้น จะยังคงสามารถหาโอกาสการลงทุนได้หรือไม่
“BRIC” ผลตอบแทนทั้งกลุ่มอาจต่ำ...แต่การลงทุนเจาะจงรายประเทศทำได้สูงกว่า
โดย “คมสัน ผลานุสนธิ” กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บลจ. แอสเซท พลัส จำกัด ได้ให้มุมมองว่าสำหรับ “กองทุนกลุ่ม BRIC” น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่เป็นประเทศ ‘จีน’ และ ‘อินเดีย’ เป็นส่วนใหญ่ จึงมองการลงทุนเป็นรายภูมิภาคหรือรายกลุ่มนั้นอาจจะสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนเจาะจงเป็นรายประเทศ
(คมสัน ผลานุสนธิ)
“รัสเซีย-บราซิล”...พื้นฐานยังไม่แข็งพอที่จะดึงความสนใจ
ขณะเดียวกันพื้นฐานของรายประเทศอย่าง ‘บราซิล’ และ ‘รัสเซีย’ ยังไม่ดูไม่น่าสนใจนักในขณะนี้ เนื่องจากประเทศบราซิลสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงอาจสะท้อนถึงการควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวได้ไม่ดีนัก
ส่วน “ตลาดหุ้นรัสเซีย” เองขนาดของตลาดยังดูค่อนข้างเล็กหรือมูลค่าของตลาดไม่สูงมากนักและสถานการณ์ของราคาน้ำมันเองก็ยังไม่ใช่ช่วงขาขึ้น จึงทำให้การสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงเป็นไปได้ยาก ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนต่างประเทศ
“จีน-อินเดีย”...ตัวเต็งดาวเด่นประจำกลุ่ม
แต่ในขณะเดียวกัน “ตลาดหุ้นจีน” ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจในอันดับต้นๆ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกลับมาเติบโตนั้นทำได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ
“อย่างไรก็ดีในช่วงสั้นตลาดหุ้นจีนอาจความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของตลาดได้ เนื่องจากประเด็นด้านกฎหมายที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการตลาดของจีน (The State Administration for Market Regulation) ซึ่งดูแลด้านการผูกขาดทางการค้าได้ไล่เอาผิดบริษัทยักษ์อย่าง Alibaba และ Tencent จึงอาจมีผลต่อตลาดหุ้นโดยรวมในระยะสั้นๆ”
ส่วนความน่าสนใจของ “ตลาดหุ้นอินเดีย” เป็นประเทศที่จะขึ้นมาเป็นโรงงานของโลกอุตสาหกรรมแทนที่ประเทศจีน หลังจากที่จีนหันไปมุ่งเน้นภาคเทคโนโลยี และภาคการบริโภคในประเทศ ส่วนการได้รับอานิสงส์จากรถไฟฟ้า (EV Car) ในระยะสั้นอินเดียอาจจะเป็นผู้บริโภคอยู่ แต่ในอนาคตเชื่อจะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่กลายเป็นศูนย์การกลางผลิตได้
ชู “จีน-อินเดีย” น่าสนใจสุดในกลุ่ม
โดยภาพรวมจึงอยากแนะนำนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนใน “BRIC” ให้โฟกัสเป็นรายประเทศอย่างจีนหรืออินเดีย จะช่วยสร้างพอร์ตให้มีการเติบโตและสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า เนื่องจากการลงในภูมิภาค BRIC อาจถูกฉุดโดยประเทศที่พื้นฐานยังไม่แข็งแรงนัก
“ในช่วงวินาทีนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาด ‘หุ้นจีน’ และ ‘อินเดีย’ เป็นตลาดที่มาแรงเป็นอันดับต้นๆในตอนนี้นอกจากหุ้นเทคโนโลยี ดังนั้นจึงทำให้ความน่าสนใจจากนักลงทุนเป็นในทิศทางเดียวกัน แต่การจะลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งนั้นก็คงต้องยอมรับว่าความเสี่ยงเช่นกัน ฉะนั้นผู้ลงทุนอาจจะต้องระมัดระวังและศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน”
