“จีน-อินเดีย”..กับโอกาสลงทุนไปกับธีม ‘Story of Growth’ ของโลก!!!

ประเทศ “อินเดีย” และ “จีน”...หนึ่งในไม่กี่ประเทศในกลุ่ม ‘ตลาดเกิดใหม่’ ที่เป็นที่หมายตาของนักลงทุน ด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นในโลก
มีประชากรมาก 2 อันดับแรกของโลก ซ้ำยังเป็นแหล่งวัตถุดิบและฐานผลิตของหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นยาเวชภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น
เป็น ‘ดาวเด่น’ ในตลาดเกิดใหม่ ที่เคยถูกยกมาเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนในอดีตที่ผ่านมา
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงถือโอกาสแนะนำ ‘กองทุนเปิด ยูโอบีสมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดจ่ายเงินปันผล’ หรือ ‘UOBSCI-D’ ที่ได้รับการจัดอัน ‘มอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว’ มาฝากนักลงทุนที่สนใจให้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนกัน
ลงทุนแพคคู่ ‘จีน-อินเดีย’...กับ ‘กอง UOBSCI-D’
สำหรับ “กองทุนเปิด ยูโอบีสมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดจ่ายเงินปันผล (UOBSCI-D)” มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน ‘United China-India Dynamic Growth’ ซึ่งจัดตั้งและบริหารจัดการโดย ‘UOB Asset Management (Singapore)’ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทเอกชนต่างๆที่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ ‘จีน’ และ ‘อินเดีย’ หรือบริษัทเอกชนต่างๆ ที่มีที่มาของรายได้หรือกำไร หรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจในประเทศดังกล่าว โดยสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเทศอยู่ระหว่าง 40-60%
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 63 กองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนในประเทศจีน 56.12% รองลงมาเป็นประเทศอินเดียอยู่ที 41.14%, ฮ่องกง 0.91%, สหรัฐฯ 0.32% และที่เหลือเป็นเงินสด
โดยมีการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้
-Consumer Discretionary 21.13%
-Financials 14.55%
-Consumer Staples 12.50%
-Communication Services 11.40%
-Information Technology 10.58%
-Industrials 10.53%
-Health care 9.82%
-Materials 4.74%
-Others 3.23%
-Cash 1.52%
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63 ‘กอง UOBSCI-D’ มีการลงทุนในกองทุนหลัก 98.08% เงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 1.92% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 6.84% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้จะลงทุนในชนิดของหน่วยลงทุนที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ บริษัทจัดการอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น (Hedging) เท่านั้น
“แต่จะไม่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Notes) รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ตัวตราสารและที่ผู้ออกตราสารต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (noninvestment grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ตัวตราสารและที่ผู้ออกตราสาร (unrated securities)”
สำหรับ ‘กอง UOBSCI-D’ มีนโยบายการจ่ายปัยผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยครั้งละไม่ต่ำกว่า 50%ของส่วนเพิ่มของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุน หรือจากกำไรสะสมของหน่วยลงทุนที่เป็นกำไรที่เกิดขึ้นจริง ที่ผ่านมาจ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้ง เป็นเงิน 1.89 บาท
“โดยกองทุนนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ผู้ลงทุนที่สามารถรับความฝันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนรวมไปลงทุน ซึ่งอาจจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้ ผู้ลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป และเหมาะสำหรับเงินลงทุนที่ต้องการ ‘กระจายความเสี่ยง’ โดยการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ และควรเป็นเงินลงทุนส่วนที่สมารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง โดยผลตอบแทนส่วนใหญ่มาจากกำไรส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุนที่ลงทุน และดอกเบี้ยรับ”
สำหรับ ‘กอง UOBSCI-D’ ถือเป็นอีกหนึ่งกองที่จะช่วยสร้างโอกาสให้แก่นักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในตลาด ‘หุ้นจีน’ และ ‘อินเดีย’ รวมถึงเป็นอีกหนึ่งกองที่ได้การจัดอันดับ ‘มอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว’อีกด้วย ทางเราจึงหวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ช่วยประกอบการตัดสินใจลงทุนสำหรับผู้ที่สนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย