คาด “ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน” จะเติบโตอีกกว่า 7 เท่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า !!!

การลงทุนโดยคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งธีมที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ไม่ได้มองแค่ในเรื่องมิติของ ‘ผลตอบแทน’ เพียงเท่านั้น
ทาง “บลจ.เอ็มเอฟซี” เองก็ไม่ยอมตกขบวนเช่นกัน หวังชวนนักลงทุนไทยติดปีกเงินลงทุนไปเพิ่มโอกาสลงทุนในธุรกิจ “พลังงานทดแทน” จากวิกฤติมลภาวะโลกกัน
วันนี้ ทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthythai’ มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน
“วิกฤติมลภาวะโลก” นำสู่ความต้องการ ‘พลังงานที่ยั่งยืน’
โดย “ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์” รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) มองว่า ท่ามกลางวิกฤติมลภาวะและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) ที่ส่งผล
กระทบต่อระบบนิเวศของโลกนั้น ได้มีแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐ และภาคประชาชนที่ตระหนักถึงความต้องการลดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโลกและนำไปสู่ความต้องการ ‘พลังงานที่ยั่งยืน’ ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ของพลังงานหมุนเวียน มีความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์มากขึ้น จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ที่คาดว่าจะเติบโตอีกกว่า 7 เท่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า
(ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์)
“วิกฤติเศรษฐกิจโลกจากโรคระบาด COVID-19 น่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วและกำลังฟื้นตัวภายใต้บริบทใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ ‘พลังงานสะอาด’ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ และปัญหามลพิษ ตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ พ.ศ. 2020 ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีต้นทุนลดลงจนถูกว่าการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นแหล่งพลังงานหลักในปัจจุบัน”
“กองทุน MRENEW” กับโอกาสลงทุนใน ‘พลังงานทดแทน’ ทั่วโลก
“BP Energy Outlook” คาดว่าความต้องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในอีก 20 ปีข้างหน้า และ “Next Green Car” คาดว่าการขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด เช่นรถยนต์ไฟฟ้าจะขยายตัวเฉลี่ย 20% ต่อปีไปจนถึงปี 2040 รวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เช่น บ้านอัจฉริยะ (Smart home) ดังนั้นบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้กระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรสูงในระยะยาว ในภาวะที่สภาพคล่องในระบบการเงินให้อยู่ในระดับสูง
“บริษัทเชื่อว่า การลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะสร้างมูลค่าอย่างมหาศาล และทำให้เงินลงทุนเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าของโลก จึงเสนอ ‘กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี (MRENEW)’ เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานยั่งยืน และเป็นการลงทุนเพื่อลดวิกฤติของระบบนิเวศของโลก”
เน้นลงทุนใน ‘ธุรกิจพลังงานยั่งยืน’ 3 กลุ่มหลักทั่วโลก
สำหรับ ‘กองทุน MRENEW’ เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ประเภท Feeder Fund มีนโยบายลงทุนใน ‘BGF Sustainable Energy Fund’ กองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ กองทุนหลักบริหารจัดการโดย ‘Blackrock’ บริษัทจัดการชั้นนำของโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่คำนึงและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
โดยกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นของ ‘ธุรกิจพลังงานยั่งยืน’ ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก ได้แก่
1.บริษัทที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Power)
2.การขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด (Clean Transport)
3.การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency)
“ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจ ESG ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน อนึ่งกองทุนหลัก ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว และ 5 globe Morningstar sustainability rating”
สำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุน ‘ระยะยาว’ โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน และคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ ‘กองทุน MRENEW’ น่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ให้กับคุณได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย โดยลงทุนขั้นต่ำได้เพียง 1,000 บาท เท่านั้น